วันเสาร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2562

รีวิว....หนังสือ เคล็ดลับ เลิกทรมานกับการอ่านหนังสือการนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน


ผู้เขียน Kuniaki Iwanami (คุนิอะคิ อิวะนะมิ)    ผู้แปล  พิชชาภา

       หนังสือเล่มนี้ผู้เขียนต้องการที่จะแนะนำเคล็ดลับของคนที่ประสบความสำเร็จในการสอบ เปลี่ยนตัวเองจากคนขี้เกียจกลายเป็นคนที่สามารถอ่านหนังสือได้นานทน และมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นเคล็ดลับที่ทำตามได้ รับประกันโดยผู้เขียน จากคนที่สอบได้ผลสอบ Pre-Test 0% กลายเป็นคนที่สอบเข้าคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยโตเกียวได้ใน 1 ปี ซึ่งเทคนิคนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ทั้งในเรื่องการเรียน หรือการทำงานได้เป็นอย่างดี

      จากหนังสือเรื่อง เคล็ดลับเลิกทรมานกับการอ่านหนังสือ เป็นหนังสือที่มีการเสนอเทคนิควิธีในการอ่านหนังสือให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะคนส่วนใหญ่มักมองว่าการอ่านหนังสือเป็นเรื่องของการทรมานร่างกายและความรู้สึก ทำให้คนเหล่านี้มักไม่ค่อยอยากอ่านหนังสือมากนัก เพราะเกลียดการอ่านหนังสือนานๆ และในหนังสือเรื่องนี้ได้เสนอเทคนิควิธีการอ่านหนังสือที่เป็นการเลิกทรมานตัวเองคือวิธี อิวะนะมิ ( Iwanami Method)เป็นการเสนอแนวทางในการอ่านหนังสือที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ทุกคน เป็นแนวคิดที่ว่าคนที่เรียนหนังสือได้ดี จะต้องสร้างระบบที่ทำให้คิดว่าการเรียนเป็นเรื่องสนุก เป็นการสร้างกระแสความคิดบวกเรื่องการเรียนว่าเรื่องเรียนเป็นเรื่องสนุก รวมถึงยังมีการเสนอเคล็ดลับการสร้างแรงจูงใจในการอ่านหนังสือของคนที่จะเรียนได้หนังสือดี ถือเป็นการสร้างตัวกระตุ้น แรงผลักดันที่ผู้เขียนต้องการนำเสนอเทคนิควิธีที่เป็นดีแก่ผู้อ่าน อีกประเด็นสำคัญคือที่ปรากฏในหนังสือคือเคล็ดลับการบริหารเวลาเป็นการสร้างเวลาของเราขึ้นแล้วบริหารเวลาให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด อันเป็นการเสนอเรื่องการจัดการเวลาให้มีคุณค่า และได้มีการแนะนำเคล็ดลับในการเพิ่มประสิทธิภาพในการอ่านหนังสือสอบเป็นประเด็นสาระที่น่าสนใจอย่างยิ่ง กล่าวสรุปได้ว่าเนื้อหาสาระของหนังสือเป็นการเสนอเทคนิคในการเลิกทรมานกับการอ่านหนังสือแต่ทำให้เราสามารถอ่านหนังสือได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การอ่านหนังสือเป็นตัวชี้วัดสำคัญของความเป็นคน เป็นตัวชี้วัดความเจริญของสังคม เพราะสังคมอ่านหนังสือ คือสังคมเรียนรู้ และสังคมเรียนรู้เท่านั้นที่เข้มแข็งและเจริญพัฒนา

        “การอ่านหนังสือสอบหรือการทำงานอะไรสักอย่างก็ตามให้ประสบความสำเร็จ สิ่งสำคัญที่สุดคือการทำอย่างต่อเนื่อง เพราะถ้าเราทำได้อย่างต่อเนื่องแล้วไม่ว่าอะไรก็ประสบความสำเร็จได้”

การนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน แนวทางการปฏิบัติ

       สิ่งสำคัญในการทบทวนหนังสือให้ได้ผลดีนั้นต้องเริ่มจากการรู้จักใช้วิธีที่ชาญฉลาดในการทบทวนหนังสือก่อนเป็น อันดับแรก และการเตรียมความพร้อมสำหรับการสอบก็ไม่ควรจะเป็นอะไรที่ตัวคุณต้องอดนอนในคืนก่อนวันสอบทั้ง คืน เพราะการอ่านหนังสือทบทวนที่จะได้ผลดีนั้นต้องอาศัยการเตรียมตัวไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ซึ่งเคล็ดลับที่จะทำให้คุณ ทบทวนหนังสือได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้นก็คือ การรู้จักใช้เทคนิคบางอย่างในการทบทวนหนังสือรวมไปถึงเทคนิคที่ ตัวเองชอบหรือถนัดด้วย และจำไว้ว่า การเรียนรู้นั้นขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่นของตัวคุณเอง และสภาพแวดล้อมที่อยู่รอบตัว คุณด้วย  และประเด็นข้อคิดที่จะสามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันคือการจัดการและบริหารเวลา

   เราที่จะการจัดการบริหารเวลาให้ดี เพราะปัจจุบันกล่าวได้ว่าคนส่วนมากจะมีปัญหาเรื่องการจัดการบริหารเวลาให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และรวมถึงการหาเวลาอ่านที่เหมะสม การจัดการบริหารเวลาที่ดีจะทำให้การอ่านหนังมีผลดีไปด้วยและรวมถึงการทำกิจกรรมต่างๆก็จะมีประสิทธิภาพ  สามารถแบ่งเวลามาอ่านหนังสือได้ เป็นการวางแผนการใช้เวลาในการอ่านหนังสือ เช่น  ตื่นแต่เช้า จัดการตัวเองให้เสร็จในตอนเช้าและเราจะมีเวลามากขึ้นในการอ่านหนังสือหรือการลำดับเวลาว่าควรจะจัดการสิ่งไหนก่อนหลัง 

        เวลาในการอ่านก็มีส่วนสำคัญ กำหนดช่วงเวลาและนาทีที่อ่านไว้จะทำให้ รู้ว่าอ่านยังไงให้ทันและได้เนื้อหาครบถ้วนที่สุด เริ่มแรกเราอาจจะกำหนดเวลาที่เหมาะสมให้ตัวเองก่อน ลองสังเกตดูก็ได้ว่าสมองเรามีขีดจำกัดมากแค่ไหน อย่างบางคนอ่านหนังสือติดกันโดยไม่พักได้ถึง 2 ชั่วโมง แต่บางคนอ่านได้แค่ 1 ชั่วโมงก็ไม่ไหวแล้ว ค่อยๆ ปรับไปก็ได้ ช่วงแรกอาจจะอ่าน 1 ชั่วโมง พอเริ่มชินก็เพิ่มขึ้นเป็น 2 ชั่วโมง แบบนี้จะช่วยให้สามารถอ่านได้นานและเก็บเนื้อหาได้มากขึ้น

    ตารางอ่านหนังสือ

1. มองเห็นภาพรวมของสิ่งที่อ่าน ทั้งรายวิชาและเนื้อหาที่เรียน ไม่อ่านสะเปะสะปะไปเรื่อยจนความรู้ตีกัน จับใจความสำคัญไม่ได้

2. มองเห็นเป้าหมายว่าอ่านเพื่ออะไร? แล้วลงมือทำให้สำเร็จได้ เช่น อ่านเพื่อเกรดที่ดี อ่านเพื่อเตรียมสอบ อ่านเพื่อเติมเต็มความรู้ ฯลฯ  

3. จัดระเบียบเรื่องเรียนได้อยู่หมัด เพราะตารางอ่านหนังสือทำให้เราเห็นวันสอบ รู้เลยว่าสอบแต่ละสนามสำคัญแค่ไหน ถ้ายังอ่านไม่ทัน ไม่ครบตามแพลนที่วางไว้

  •     เลือกเวลาที่เหมาะสม     หมายความว่า เวลาที่เราต้องการจะอ่าน เวลาที่ว่างจากงานอื่น เวลาที่อยากจะอ่านหนังสือ หรือเป็นเวลาที่อ่านแล้วได้เนื้อหามากที่สุด เข้าใจมากที่สุด เวลาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนชอบอ่านตอนเช้าตรู่ บางคนชอบอ่านตอนกลางคืนก่อนนอน บางคนชอบอ่านเวลากลางวัน แล้วแต่การจัดสรรเวลาของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน เราต้องเลือกดูเวลาที่เหมาะสมของตัวเอง การจัดเวลาต้องให้ได้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง วันหนึ่งถ้าอ่านหนังสือแค่วันละ 2 ชั่วโมงน้อยมาก
  •     วางลำดับวิชาและเนื้อหา คือ เลือกวิชาที่จะอ่าน มีหลักง่ายๆ คือ เอาวิชาที่ชอบก่อน เพื่อให้สามารถอ่านได้เยอะ และอ่านได้เร็ว ควรเลือกเรื่องที่ชอบอ่านก่อนเป็นอันดับแรก จะได้มีกำลังใจอ่านเนื้อหาอื่นต่อไป ไม่แนะนำวิชาที่ยาก และเนื้อหาที่ไม่ชอบนะครับ เพราะจะทำให้เสียเวลาเปล่า การอ่านหนังสือควรอ่านให้ได้ตามที่เราวางแผนเอาไว้ วิธีการก็คือ List รายการหรือเนื้อหา บทที่จะอ่านให้หมด จากนั้นค่อยเลือกลำดับเนื้อหาว่าจะอ่านเรื่องใดก่อนหลัง แล้วค่อยลงมืออ่าน
  •    ลงมือทำ ยังไง ถ้าไม่มีข้อนี้ก็ไม่มีทางสำเร็จ การลงมือทำคือการลงมืออ่านอย่างจริงจัง อย่าผัดวันประกันพรุ่ง เหมือนกับที่พี่เคยเขียนไว้ว่า อย่าฝากอนาคตของตัวเองไว้กับความขี้เกียจของวันนี้ บางคนลงมือทำ แต่ไม่จริงจัง ก็ไม่ได้ ขอให้นึกถึงชาวนาแล้วกัน ถ้าลงมือทำนาเริ่มตั้งแต่หว่าน ไถ แล้วทิ้งค้างไว้แต่ไม่ทำให้สำเร็จ ไม่ดูแลจนกระทั่งเก็บเกี่ยว หรือทิ้งไว้ไม่เก็บเกี่ยว การทำนาก็จะไม่สำเร็จ เราก็จะไม่มีข้าวกิน ดังนั้น  ทำอะไร ทำจริง
  •    ตรวจสอบผลงาน  ผลของการอ่าน ดูได้จากว่า ทำข้อสอบได้หรือไม่ ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบได้ ก็แสดงว่าอ่านรู้เรื่อง อ่านเข้าใจ ได้เนื้อหาจริงๆ แต่ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบไม่ได้ ก็ต้องกลับไปทบทวนใหม่ ขอแนะนำว่า อ่านแล้วต้องจดบันทึกไว้ด้วยจะได้รู้ว่า เราอ่านไปถึงไหนแล้ว และอ่านไปได้เนื้อหาอะไรบ้าง การจดบันทึก ก็คือการทำโน้ตย่อ ทำสรุปไว้เลยว่าอ่านอะไรไปแล้วบ้าง เก็บไว้ให้มากที่สุด จะได้เป็นผลงานของตัวเอง เก็บไว้อ่านเมื่อต้องการ เก็บไว้อ่านตอนใกล้สอบ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น