ประวัติศาสตร์
ตามหลักฐานที่ปรากฏในพงศาวดาร
เมืองสงขลาหัวเขาแดงตั้งอยู่ตรงปากอ่าวทะเลสาบสงขลา
ก่อตั้งขึ้นเมื่อใดไม่ปรากฏเป็นที่แน่ชัด แต่น่าจะเกิดในยุคต้นของกรุงศรีอยุธยา
เพราะปรากฏชื่อ "เมืองสงขลา" ในพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่
1 (พระเจ้าอู่ทอง) พ.ศ.1893 เมืองสงขลามีฐานะเป็นเมืองประเทศราช อีกทั้งเมืองสงขลา
ยังปรากฏอยู่ในเอกสารชาวต่างชาติ พวกพ่อค้าและนักเดินเรือ
สงขลามีลักษณะเป็นเมืองท่า ที่มีนามว่า "ซิงกอร่า" คนพื้นเมืองเรียก
"สิงขร" ที่แปลว่า "ภูเขา"
สอดคล้องกับที่ตั้งเมืองสงขลาในอดีต ที่บางส่วนตั้งอยู่บนภูเขา
พื้นที่บริเวณหัวเขาแดงมีลักษณะเป็นรูปคล้ายจระเข้ เป็นที่หมายของนักเดินทางในอดีต
หัวเขาแดงตั้งอยู่ตรงปลายแหลมสุดของแหลมทรายสทิงพระ มีลักษณะทางกายภาพเป็นหินโคลนที่มีสีแดง
จึงเรียกว่า "เขาแดง" และคำว่า "เขาแดง"
ก็ยังปรากฏอยู่ในแผนที่เก่าสมัยอยุธยาอีกด้วย
"ทวดหัวเขาแดง"
เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำหัวเขาแดง คนท้องถิ่นเชื่อว่าเป็นเทพที่สถิตอยู่ ณ
หัวเขาแดง ปากน้ำเมืองสงขลา มาตั้งแต่ครั้งโบราณกาล เชื่อว่าท่านจะคุ้มครอง
ป้องกันรักษา และให้โชคแก่เมืองสงขลา
ต่อมาในยุครัตนโกสินทร์ตอนต้นมีการสร้างศาลาประดิษฐานทวดหัวเขาแดงไว้อย่างถาวร
เป็นสถาปัตยกรรมจีน คล้ายศาลาเรียกว่า "ศาลาทวดหัวเขาแดง"
ภายในศาลาแห่งนี้มีรูปจำลองแกะสลักของ "ทวดเขาแดง" และ
"พระเอ็งบ้วนต๊ะ" เทพองค์สำคัญองค์หนึ่งของฝ่ายบุ๋น
เป็นแม่ทัพที่ชาวจีนต่างนับถือมาก
อิทธิพลความเชื่อต่อคนท้องถิ่นในชุมชน
มีความเชื่อว่า
"ปู่ทวดหัวเขาแดง"
คอยคุ้มครองเมืองและประชาชนชาวสงขลาให้แคล้วคลาดจากภัยธรรมชาติ เช่น ปี พ.ศ. 2505 ได้เกิดวาตภัยที่แหลมตะลุมพุก จังหวัดนครศรีธรรมราช มีพายุไต้ฝุ่นได้พัดเข้ามาที่ปากอ่าวสงขลา
ปู่ทวดหัวเขาแดงและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เมืองสงขลา
ได้ช่วยกันต้านทานและขจัดปัดเป่าไม่ให้พายุเข้าสู่เมืองสงขลาได้
โดยมีการสันนิษฐานว่าบริเวณใกล้ที่ตั้งของศาลแห่งนี้
ในอดีตเคยเป็นป้อมปราการมาก่อน
เมื่อแพเข้าจอดเทียบท่าบริเวณฝั่งหัวเขาแดง
รถของเราค่อย ๆ เคลื่อนตัวผ่านบริเวณหน้าศาลทวดหัวเขาแดงอย่างช้า ๆ
ผู้คนทั้งคนท้องถิ่นและต่างถิ่นพร้อมใจกันบีบแตร เสียงดังลั่นไปทั่วบริเวณ
เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของแสดงความเคารพต่อศาลเจ้าแห่งนี้ และทุก ๆ ปี จะมีงานเทศกาลยิ่งใหญ่
"สมโภชปู่ทวดพ่อหัวแดง" นั่นเอง
ทวดเขาแดงมีส่วนที่สานสัมพันธ์ของคนที่อยู่รวมกันในสังคมชุมชน
มีส่วนก่อให้เกิดความรู้สึกเป็นหมู่เป็นพวกเดียวกันก่อให้เกิดความสามัคคีในหมู่คณะเป็นผลที่ช่วยลดความขัดแย้งโดยปราศจากการแบ่งแยกเชื้อชาติ
เพราะเนื่องจากคนในชุมชนนั้นก็มีกลุ่มบุคคลหลายเชื้อชาติเข้ามาอยู่อาศัยจึงย่อมมีความแตกต่างของวัฒนธรรม
แต่มีความเชื่อเกี่ยวกับทวดร่วมกันจึงทำให้คนในสังคมที่มีความเชื่อจะประพฤติดีอยู่ในศีลในธรรม
เพราะทุกคนเชื่อว่าทวดเป็นวิญญาณสักสิทธิ์รู้และเห็นในพฤติกรรมต่าง
ๆของลูกหลาน
โดยทวดจะช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนและมาบนบานศาลกล่าวไว้
โดยถ้าคนๆนั้นยิ่งมีกรรมดีมากเท่าไหร่ทวดยิ่งช่วยได้มาก แต่ถ้าทำกรรมชั่วไว้ทวดก็จะไม่ช่วย ฉะนั้นชาวประมงในชุมชนจึงยึดหลักศีลธรรม
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
2.ด้านจิตใจ
ทวดหัวเขาแดงถือเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจให้พ้นจากความกลัวในช่วงที่ออกทะเลของชาวประมงพื้นบ้านในชุมชนหัวเขาแดง โดยชาวประมงพื้นบ้านได้ใช้ทวดหัวเขาแดง เป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจเนื่องจากทวดหัวเขาแดงมีความสักสิทธิ์
ทำให้ชาวบ้านเกิดความศรัทธาเชื่อถือและเคารพในทวดหัวเขาแดงเมื่อชาวประมงพื้นบ้านต้องเผชิญกับพายุคลื่นลมที่รุนแรงก็จะนึกถึงทวดเสมอ
จึงถือได้ว่าทวดหัวเขาแดงเป็นศูนย์รวมทางจิตใจของชาวประมงในชุมชนก็ว่าได้เช่น ปัญหาที่ชาวประมงหรือคนทั่วไปในชุมชนมีปัญหาที่หมดหนทางออกและไม่มีที่พึ่งทางจิตใจจึงมีการบนบานศาลกล่าวกับทวดเขาแดงเพื่อเป็นการขอร้องให้ทวดช่วยเหลือและดลบันดาล ให้ชาวประมงจับปลาได้มากกว่าเดิม หรือบุคลคลทั่วไปที่มาบนบานศาลกล่าวให้ประสบความสำเร็จในชีวิต ในหน้าที่การงาน การศึกษา
เมื่อบรรลุตามจุดประสงค์แล้วจึงมาแก้บนเพื่อแสดงความเคารพ
สำหรับชาวประมงนั้นทวดหัวเขาแดงเป็นหนทางหนึ่งที่จะสามารถทำให้ชาวประมงพื้นบ้านเกิดกำลังใจในการทำมาหากิน อีกกรณีคือผู้ที่เจ็บป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุ
หากได้มาบนบานศาลกล่าวกับทวดจะทำให้มีกำลังใจมากขึ้นเข้มแข็งมากขึ้น หายจากอาการต่าง ๆโดยไม่ต้องกินยาต่าง
ๆก็ปรากฏให้เห็นเป็นข่าวอยู่เสมอ
หรือกรณีคนที่ไม่สบายเป็นโรคร้ายแรงรักษาไม่หาย หมอบอกว่าไม่มีทางรักษาหายจากโรคแน่ ๆ เมื่อได้มาบนบานกับทวดหัวเขาแดง
ก็ทำให้มีกลังใจมากขึ้นย่อมทำให้บุคคลนั้นหายจากโรคได้จริง
สุดท้ายชาวประมงในพื้นที่และผู้คนในชุมชนมีวามเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
สามารถดำรงชีวิตและประกอบอาชีพได้อย่างราบรื่นสะท้อนออกมาในระบบความสัมพันธ์ทางสังคมและความเชื่อที่มีต่อทวดหัวเขาแดง
เป็นปฏิสัมพันธ์สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในชุมชนกับผู้ตนที่ดำรงอยู่ในชุมชน.
กล่าวได้ว่าความเชื่อเรื่อง ทวดหัวเขาแดงเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์
เป็นเรื่องราวความเชื่อที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น
และจากความเชื่อได้พัฒนากลายเป็นการประกอบพิธีกรรมตามมา
ซึ่งชาวประมงพื้นบ้านในชุมชนมีศรัทธาที่แรงกล้าต่อทวดหัวเขาแดงก็เคยเห็นและเคยสัมผัสมาแล้วด้วยถึงอำนาจความศักดิ์สิทธิ์ของทวดหัวเขาแดงไม่ว่าจะเป็นการแคล้วคลาดจากพายุคลื่นลมที่รุนแรงในทะเล
ขณะออกเรือสู่ทะเลทำประมงหรือการหายจากอาการป่วยไข้ที่เกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุและเมื่อทำพิธีกรรมเซ่นไหว้ทวดหัวเขาแดงอาการเหล่านั้นจะหายไป
ซึ่งถือว่าเป็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติในความรู้สึกของชาวประมงพื้นบ้านและผู้คนในชุมชนและเมื่อพวกเขาแสดงให้ความเคารพนับถือ
ปฏิบัติสืบทอดความเชื่อแล้วทำให้รู้สึกสบายใจและลักษณะของเครือข่ายยืดเหนี่ยวจิตใจทำให้มีจิตใจเข้มแข็งพร้อมที่จะเผชิญกับปัญหาต่าง
ๆ หรือเผชิญกับสิ่งที่ไม่อาจจะคาดเดาได้อันก่อให้เกิดความกลัวและบั่นทอนจิตใจในการดำรงชีวิต
ซึ่งสอดคล้องกับหลักความเชื่อที่ว่า
ความเชื่อเป็นวัฒนธรรมดั่งเดิมของมนุษย์มีความสอดคล้องกับอำนาจลึกลับเหนือธรรมชาติหรือเกี่ยวกับภูติผีวิญญาณต่าง
ๆ อันมาจากการมนุษย์มีชีวิตผูกพันอยู่กับธรรมชาติสูงมากในขณะที่มีความรู้ความเข้าใจในธรรมชาติน้อยมาก
ดังนั้นเมื่อได้พบเห็นเหตุการณ์ต่าง ๆ
ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติก็รู้สึกหวาดกลัวและแปลกประหลาด
เนื่องจากไม่สามารถอธิบายเกี่ยวกับปรากฏการณ์ธรรมชาติเหล่านั้นได้จึงมีความเชื่อว่าน่าจะมีอำนาจลึกลับบางอย่างทำให้เป็นเช่นนั้น
เกิดเป็นการยอมรับนับถือการยึดมั่นในสิ่งหนึ่งที่ไม่มีตัวตนและไม่มีความเป็นจริงอยู่
การยอมรับนับถือจึงพิสูจน์ได้และอาจจะพิสูจน์ไม่ได้
พิธีกรรมวัฒนธรรมความเชื่อสอดคล้องกับการดำรงชีวิตดังเช่น
ความเชื่อเรื่องทวดหัวเขาแดงที่มีอิทธิพลต่อชาวประมงที่มีการดำรงชีวิตแบบพึ่งพาอาศัยกับธรรมชาติ
การลงเรือออกสู่ทะเลไปจับสัตว์น้ำในแต่ละครั้งนั้นมีความเสี่ยง อาจเกิดพายุหรืออันตรายทางทะเล
สภาวะทางอากาศที่แปรปรวน
ชาวประมงจึงมีที่พึ่งทางจิตใจเพื่อช่วยสร้างความเชื่อมั่นสร้างกำลังใจให้ตนเองและลูกเรือ
ผลที่ได้รับคือ การกลับเข้าฝั่งอย่างปลอดภัยได้ผลปริมาณมาก
ทำให้เกิดความเชื่อขึ้นหลายอย่างในการดำรงชีวิตทั้งในภาวะปกติและภาวะคับขันและความเชื่อจากประสบการณ์ของชาวประมงเอง
จากการสังเกตภาวการณ์เปลี่ยนแปลงของธรรมชาติเช่น
การมองฟ้าเป็นสีแดงก็เชื่อว่าเกิดลมพายุให้รีบนำเรือกลับเข้าฝั่ง
การสังเกตสีของน้ำเพื่อทราบว่าบริเวณใดมีปลาจำนวนมากและปลามีน้อย
สรุปได้ว่า
ความเชื่อและพิธีกรรมเกี่ยวกับทวดหัวเขาแดงมีความแตกต่างไปจากพื้นที่อื่น ๆ
เพราะว่าชาวบ้านที่นับถือและเคารพทวดหัวเขาแดงไม่ได้มีแค่คนไทยพุทธ
แต่ยังมีคนไทยจีนและคนไทยมุสลิมที่เชื่อถือศรัทธาในอำนาจความศักดิ์สิทธิ์ของทวดหัวเขาแดง
เนื่องจากพวกเหล่านี้อาจจะเคยพบเห็นหรือเคยสัมผัสกับเหตุการณ์ที่เชื่อว่าเป็นผลมาจากอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์ของทวดหัวเขาแดง
เปิดงานสมโภชปู่ทวดหัวเขาแดง
เทศบาลนครสงขลา ร่วมกับ 5 สมาคมจีน จังหวัดสงขลา กำหนดจัดงานสมโภชปู่ทวดหัวเขาแดง อันเป็นงานเทศกาลประจำปี ณ ปะรำพิธี
บริเวณลานว่าว แหลมสมิหลา อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ภายในงานจัดให้มีพิธียกเสาเทวดา
พิธีปักหลักมณฑลพิธี พิธีสะเดาะเคราะห์ พิธีลุยไฟ พิธีเทกระจาด พิธีส่งเก้ง
(สวดมนต์จีน) ทุกวัน พิธีอิ่วเก้ง ขบวนแห่องค์พระและสิ่งศักดิ์สิทธิ์รอบเมืองสงขลา
การประมูลวัตถุมงคลหน้าองค์พระ พิธีบวงสรวงเซ่นไหว้ ทวดหัวเขาแดง
และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พิธีเทกระจาด และมีพิธีแสดงอภินิหาร
สำหรับการจัดงานสมโภชทวดหัวเขาแดง นับจากอดีตจนถึงปัจจุบัน
จะมีการจัดงานในช่วงวันคล้ายวันเกิดทวดหัวเขาแดงอันเป็นศูนย์ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวจังหวัดสงขลา
โดยจะมีการจัดงานสมโภชเฉลิมฉลอง เพื่อให้ประชาชนเชื้อสายจีน
และประชาชนทั่วไปได้มีโอกาสสักการะบูชา ขอพรทวดหัวเขาแดง และองค์พระ
สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองจากศาลเจ้าต่าง ๆ
ซึ่งคณะกรรมการจัดงานได้อัญเชิญมาประดิษฐาน ณ ปะรำพิธี บริเวณลานว่าว แหลมสมิหลา
เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว อีกทั้งเป็นการส่งเสริมการอนุรักษ์
สืบสานวัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่นให้คงอยู่สืบไป
นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดสงขลา
และส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่นเป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชนและประชาชนในท้องถิ่น
“ทวดหัวเขาแดง” เป็นพระที่ชาวจังหวัดสงขลาเชื่อว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่จะช่วยขจัดปัดเป่าภัยอันตราย
ไม่ว่าจะเป็นวาตภัย อุทกภัย อัคคีภัย แม้แต่โจรภัยให้หมดสิ้นไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวประมงที่นำเรือออกจับปลา
เมื่อมีการแล่นเรือผ่านศาลทวดหัวเขาแดง ก็จะมีการจุดประทัดถวายสักการะ
ด้วยมีความเชื่อว่า “ทวดหัวเขาแดง” จะช่วยคุ้มครองให้ปลอดภัยจากการเดินเรือ
และช่วยให้จับปลากลับมาได้เป็นจำนวนมาก